" สวัสดีคะผู้ชม Blogger ทุกท่าน และเราก็กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ (:
วันนี้ฟ่อนจะพาทุกคนไปล้วงลึกถึงอาหารที่เป็นสำหรับคู่บ้านคู่เมืองของเรากันคะ
ทุกๆคนพร้อมที่จะไปติดตามกับฟ่อนกันหรือยังคะ ?
อย่ามัวแต่รือรอกันเลย เราตามไปดูกันเลยคะ "
อาหารที่ดิฉันต้องการจะนำเสนอต่อไปนี้
เป็นอาหารที่คนไทยและคนต่างประเทศนิยมรับประทานกันเป็นอย่างมาก
ซึ่งอาหารชนิดนี้เป็นสำรับที่จะต้องมีอยู่ในทุกมื้ออาหาร
และเป็นอาหารที่ได้ชื่อว่าเป็นอาหารสุขภาพซึ่งอุดมไปด้วยผักชนิดต่างๆที่
เป็นเครื่องเคียง อาหารชนิดนี้คือ"น้ำพริก"
น้ำพริกเป็นอาหารถ้วยเล็กๆ
ที่ถูกปรุงขึ้นเพื่อสร้างความอร่อยคู่สำรับของครอบครัวทั่วทุกภาค
ในอดีตน้ำพริกสามารถนำเครื่องปรุงต่างๆที่มีอยู่ในช่วงเวลาขณะนั้นมาใช้
เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของคนกิน
ในถ้วยน้ำพริกเป็นอาหารที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
มีเรื่องราววิถีชีวิต วิธีได้มาของพริก กะปิ น้ำปลา เคย หอม กระเทียม
รวมไปถึงการหาอยู่หากินของผักต่างๆที่เลือกมาให้เหมาะกับรสน้ำพริก
และโอกาสต่างๆที่สัมพันธ์กับวิถีชีวิตที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่คนรุ่น
ต่อมาจนถึงปัจจุบัน
สรรพคุณสมุนไพรในน้ำพริก
เครื่องปรุงสำคัญที่ช่วยทำให้น้ำพริกมีกลิ่น รสชาติดีและกลบกลิ่นคาส คือ
สมุนไพร ซึ่งได้แก่ พริก หอม กระเทียม ข่า ฯลฯ นอกจากนั้นยังป้องกันอาหาร
ท้องอืดเฟ้อ ท้องถ่ายและทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดี กะทิจากมะพร้าว
มีสรรพคุณคือรสมัน หวาน บำรุงกำลัง บำรุงเส้นเอ็น ใช้รักษาโรคกระดูก
" เราได้ทราบถึงความเป็นมาของน้ำพริกกันไปแล้ว
ดิฉันก็นำวิธีการตำ "น้ำพริกกะปิ" มาฝากผู้ชมชาว Blogger ทุกๆคนน่ะคะ "
วิธีการปรุงในครั้งนี้ดิฉันได้ไปร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
ชื่อร้าน "พริกหอม" ตั้งอยู่บริเวณถนนสุขุม 83 เขตพระโขนง
ซึ่งเราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี และได้บอกเคล็บลับต่างๆเกี่ยวกับการทำน้ำพริกให้อร่อยจาก
" พี่เล็ก" นางสาวสุชานาถ ช่อผูก หัวหน้าแม่ครัวประจำร้านอาหารพริกหอม
"พี่เล็ก" หัวหน้าแม่ครัวประจำร้านอาหารพริกหอม |
"น้ำพริกกะปิ"
เครื่องปรุงและส่วนผสม
1.กะปิอย่างดีเผาไฟ
2.พริกขี้หนู
3.มะอึกสุกหั่นบาง ๆ
4.มะเขือพวง
5.กระเทียมซอย
6.น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ
เครื่องปรุงและส่วนผสม |
วิธีทำและขั้นตอนการทำ
1.โขลกพริกขี้หนูและกระเทียมให้พอหยาบ
2.ใส่กะปิที่นำไปเผามาโขลกรวมกับพริกขี้หนูและกระเทียม
3.ใส่มะอึกเพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นของความเปรี้ยวที่ได้จากมะอึก
4.จากนั้นให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว ตามด้วยชิมรสให้ได้
3 รส คือ
เปรี้ยว เค็ม หวานและเผ็ดเล็กน้อยคนให้เข้ากัน
5.มะเขือพวง หรือพริกขี้หนูที่เหลือให้ทุบเบาๆพอแหลก เพื่อตกแต่งหน้าถ้วยน้ำพริก
น้ำพริกกะปิและผักเครื่องเคียง |
สำหรับเคล็ดลับที่ทำให้รสชาติอร่อยยิ่งขึ้นสำหรับ น้ำพริกกะปิ
ในสมัยก่อนมักจะใช้ครกในการตำเพื่อให้ส่วนผสมข้างต้นมีลักษณะที่ไม่ละเอียด
จนเกินไปและแฝงรสชาติที่ได้จากการตำด้วยครก ได้ดีกว่าเครื่องปั่นในปัจจุบัน
นอกจากนั้นเราจำเป็นต้องใช้กะปิอย่างดี หอม และไม่หืน
กระเทียมที่ใช้ควรเลือกเป็นเป็นกระเทียมกลีบเล็ก
เพราะจะมีกลิ่นหอมกว่ากระเทียมเม็ดใหญ่
พริกขี้หนูก็เช่นเดียวกันควรเป็นพริกขี้หนูเม็ดเล็ก
ก่อนจะลงมือตำให้เอาใบตองมาห่อกะปิไปปิ้งให้หอมจากนั้นเอาไปตำ
ถ้าอยากให้น้ำพริกดูมีเนื้อข้นมากขึ้น แนะนำให้ใส่กุ้งแห้งลงไปตำด้วย
คนสมัยโบราณมักจะใช้ "ครกหิน" ในการตำน้ำพริก |
เวลารับประทานให้รับประทานร่วมกับข้าวสวยร้อนๆ ปลาทูนึ่งทอด
ปลาทอดอื่นๆ หรือกับผักต้มราดกะทิ เช่น หน่อไม้ ถั่วพู ถั่วผักยาว
ผักกระเฉด ตำลึง ฯลฯ หรือผักสดผักลวกต่างๆ เช่น มะเขือสด ผักบุ้ง แตงกวา
กระถิน หรือผักชุบไข่ทอด เช่น มะเขือยาว ชะอม เป็นต้น
น้ำพริกกะปิ ข้าวสวย ปลาทู "แซ่บแท้ๆ" |
ชะอมชุบไข่ คู่กับน้ำพริกก็อร่อยนะคะ |
" ขอให้ชาว Blogger ทุกคนอิ่มอร่อยกับอาหารประจำชาติไทยของเรากันน่ะคะ
รับรองว่าทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่นอนคะ "
Thaifoodonly by Chanaporn.m is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivs 3.0 Unported License.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น